Thursday, May 31, 2007

Love u always...




"เรื่องที่สามก็คือ....ผมรักคุณครับ"
"ภาพความรักของผม.....ถ่ายได้แค่ครั้งเดียว"


So lovely words......


Short but sweet.......


Wednesday, May 30, 2007

Dissolution of Thai Rak Thai Party

ยุบพรรคแล้ว กรรมการพรรค 111 คนต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ฮิ้วๆ
มิน่าล่ะ ถ่วงเวลาจนดึก

Job Gone...Bad Fate....

วันนี้รอโทรศัพท์ พอโทรศัพท์สั่นทีก็สะดุ้ง (กลายเป็น SMS โฆษณา
ไปซะนี่ ทีอันนี้ไม่อยากให้มาก็มาจัง)
ทั้งๆรู้ว่าไม่ควรหวังแล้วแต่ก็ยังอดไม่ได้....แต่ก็ช่างเถอะ

รู้สึกว่าปีนี้จะเป็นปีที่ไม่ดีเลย มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นตั้งหลายอย่าง
ทั้งที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้น เช่น ทะเลาะกันเพื่อน ทั้งๆที่มัน
ไม่น่าจะทะเลาะเล้ย
โกรธกับพี่ที่ทำงาน ทั้งๆที่มันก็ไม่น่าโกรธอีกแหละ
เกิดอารมณ์อยากหางานใหม่เอามากมาก (แต่ก็ยังหาไม่ได้)
โดนคนยืมตังค์แล้วไม่คืน ขนาดจิกทวงแล้วก็ยังคืนไม่หมด
เจอคนที่ยืมตังค์ไปแล้วไม่คืน อีกคน แล้วเค้าไม่ทักเรา
ไม่แม้แต่จะบอกว่าจำเราได้
หรืออยู่ๆก้ปวดฟันคุด ทั้งๆที่หลายปีที่ผ่านมามันไม่มีทีท่าว่าจะปวดเลย
แต่ดั๊นมาปวดเอาปีนี้
etc.

Tuesday, May 29, 2007

After the Heavy Rain Passed, the Rainbow comes...


มีคนกล่าวไว้ว่า หลังพายุฝนท้องฟ้าจะ

สดใส :)

ก็จริงนะ วันที่มืดมนไม่อยู่กับเราตลอดไปหรอก

ไม่ช้าก็เร็ววันที่สดใสก็ต้องมาถึง ขอแค่อดทนเท่านั้น

ธรรมชาติบางครั้งก็เป็นครูที่ดีนะ :)

PS. คนที่อยู่ใต้ฟ้าผืนเดียวกันนี้

จะมองเห็นรุ้งกินน้ำเหมือนกันกับเรารึเปล่านะ....

จะได้ส่งความคิดถึงไปตามสายรุ้งสีสวย....

Waiting for ......

การรอคอยนี่มันทรมานจริงๆ แม้จะมีเงาของ
ความผิดหวังลางลางมาแล้วก็ตาม
ที่จริงวันศุกร์นี้ก็มีนัดอีก แต่ไม่รู้จะไปยังไง
ไม่อยากลางานแล้ว

อีกอย่างวันศุกร์ก็มีคนชิงลางานตัดหน้าไปแล้ว
เราลาไม่ได้แน่
สงสัยว่าต้องโทรไปเลี่อน

****************************

วันนี้มีเมล์ชวนให้อารมณ์เสีย
จะถามทำไมว่าไม่บอกแต่เมื่อวาน
ก็หล่อนไม่ confirm จั้งแต่เมื่อวานน่ะซิ้
นิสัยไม่ดี
คือ..ก็เข้าใจว่าไม่อยากหอบโนตบุ๊คมาฟรีๆ
เข้าใจว่าการที่แม่ช่วยถือโนตบุ๊คมาให้หน้าปากซอยเนี่ย
เป็นเรื่องที่น่า appreciate

แต่ว่า...วันนี้เพื่อนปวดหัวมากโว้ย
อยากกลับบ้านไปนอน
เลยบอกไปว่าถ้าอยากทำก็ทำกันไปก่อนสองคนละกัน
ทำ slide ก็ได้ เพราะว่า 2 คนนั้นสามารถทำ slide ได้
โดยที่ไม่ต้องมีเราช่วย
แต่...มันก็ไม่ทำ...เฮ้อ....
ตรูเหนื่อยว่ะ

Saturday, May 26, 2007

Service Mind Librarian

วันนี้ไปห้องสมุดมา เจอพี่ห้องสมุดน่ารักมาก มี service mind สุดๆ
เราหา IS ของน้องปี 48 ไม่เจอ ก็เลยไปถามเค้า เค้าก็บอกว่า"หาในคอมได้ครับ
เดี๋ยวพี่สอนวิธีหาให้ครับ" แล้วเค้าก็สอนให้จริงๆ พอสอนเสร็จก็จดรหัสเล่มที่เราอยากได้
แล้วก็พาเดินไปหาให้ด้วย "หาเจอรึเปล่าครับ เดี๋ยวผมไปหาให้ดีกว่า มันเล่มดำดำไปหมด
เดี๋ยวหาไม่เจอ" แถมอธิบายอีกว่า "เล่มนี้มันจะมี 2 รหัสนะครับ ปกตรหัสซี 1 เราจะไม่ให้
ยืมออกนอกห้องสมุด แต่เล่มนี้ผมให้เป็นพิเศษละกัน เพราะว่าไม่มีคนยืม" แถมให้ยืมตั้ง 15 วัน
ปกติห้ามยืมเกิน 7 วันอีก
โอ้โฮ ใจดีสุดสุด

วันนี้ทำ IS ไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่ มัวเถลไถล

เพิ่งรู้ว่าแฟนกลางใช้ชื่อใน MSN ว่า "กลางใจขวัญ" :)
น่ารักดีนะ ท่าจะรักกันมาก ดีจัง กลางก็เป็น nice guy
อยู่แล้ว

Along the Way to Destination

"Coffee Bean by Dao"

The Thing called "Net"


Friday, May 25, 2007

พูดไม่เพราะเลย

เราว่าปูมันพูดไม่เพราะเลยอ่ะ แม้แต่เวลาพูดกับพ่อมันเองนะ
ส่วนเวลาพูดกับแฟนเนี่ย ยิ่งแย่สุดสุดๆเลยอ่ะ
ไม่รู้เป็นไร
วันนี้ก็ให้เรารอในแท็กซี่ตั้ง 10 นาทีอ่ะ
บอกว่าวิ่งกลับไปเอาขนมที่ตึก (ปัดโธ่เว้ย จะอาศัยไปกะเราก็ช่วยมานั่งรอเฉยๆ
หน่อยได้ไม๊ ไม่ใช่วิ่งไปโน่นไปนี่แล้วให้เรารอ ค่าแท็กซี่ก็บาน แถมพี่แท็กหงุดหงิด
ด้วยอ่ะรถก็ติด) คือเราเห็นรถติดก็กลัวว่าจะรอนาน เลยโทรไปบอกว่าให้รอนานหน่อยนะ
มันนึกยังไงไม่รู้เดินข้ามสะพานลอยสาทร กลับไปเอาขนมที่ลืมไว้ที่ออฟฟิส (ฮ่วย!!)
ปล่อยให้ตรูกับพี่แท็กจอดรออยู่ข้างตึกรัจจนาการรออยู่เป็น 10 นาที
รถก็ติด กว่าจะถึงบ้านปลาก็ทุ่ม 15

น้องปลาน่ารัก เอาขนมมาให้อีก คราวนี้ให้เยอะเลย แต่ว่าเราไม่กิน มันหวานอ่ะ
แต่ครีมที่โรยหน้าก็อร่อยดีนะ

47 + 30 + 50 + 80 + 50 + 45 = 310

Thursday, May 24, 2007

Review IS

วันนี้ไป review IS กันที่บ้านปลา ถึงประมาณ 3 ทุ่ม
ทำไปหงุดหงิดไป เหนื่อยว่ะ

เพิ่งรู้ว่าโจ๊ะจะไปเรียนต่อโทวิศวะไฟฟ้า (จุฬา) เพื่อที่จะไปต่อเอกที่เมืองนอก
โหย กะจะเรียนกันขนาดนั้นเลยเหรอเพื่อน
ก็โอเช ขอให้เพื่อนไปดีนะ เอาใจช่วยจ้า

30 + 50 + 20 + 105 + 45 + 45 = 295

Monday, May 21, 2007

Taking Annual Leave : Is it My Fault ?

แม่งเอ๊ย เดี๋ยวหยุดดูลูก เดี๋ยวหยุดดูแม่แม่งอยู่เนี่ยแหละ แล้วกูลาพักร้อนล่วงหน้าแล้ว ทำไมต้องมาโดนด่าด้วย กุจะลาสักทีมึงก้ลาตามอยู่นั่นแหละ
ก็รู้นี่ว่าแม่ไม่สบายจะต้องผ่า ก็รู้แล้วทำไมมีลาก่อนล่วงหน้าล่ะ เอาเหอะวะ ทนไปอีกไม่นานหรอกน่า
แล้วมึงจะลาทำไมไม่เคยบอกกู

แล้วถ้าชั้นคิดว่าลากิจล่วงหน้าแค่วันเดียวแล้วจะโดนด่า ชั้นลาป่วยไม่ดีกว่าเรอะ (คนโกหก ไม่โดนด่า แต่คนพูดความจริงมักโดนด่าเสมอ)

พอตกบ่าย โอ็ย ปวดท้องมั่กมาก ปวดแบบแสบกระเพาะ ทำไงดี รู้สึกว่ากินเย็นตาโฟร้านนี้ทีไรมีอาการแปลกทุกที ไม่รู้ว่าเป็นที่ตัวเราหรือว่าเป้นที่เย็นตาโฟ งั้นพรุ่งนี้ลองหยุดดูดีกว่า จะได้รู้ซะทีว่าเป็นเพราะอะไร

รายจ่ายวันนี้ ค่ารถ 45 + ค่ากิน 35 + 15 + 25 + 50 = 160 โหเยอะเหมือนกันนะเนี่ย

Sunday, May 20, 2007

TOEIC TEST at BB Building

สืบเนื่องจากการสมัครงานที่....ทำให้ต้องไปสอบ TOEIC ซึ่งเค้าจัดสอบ จันทร์ - เสาร์
วันละ 2 รอบ รอบบ่ายเริ่มบ่ายโมง เสร็จตอนบ่าย 3 โมงครึ่ง ที่ตึก BB Building
ข้างตึก Grammy
หลังจากไปสอบมาแล้วมีคำแนะนำในการทำสอบดังนี้
ก่อนสอบ
1. ควรไปก่อนเวลาสอบสัก ครึ่ง - 1 ชม. (ครึ่งขมอ่ะกะลังดี) เพื่อลงทะเบียน
และทำบัตรสอบและให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าเราไม่ได้เอาอาวุธหรืออุปกรณ์สื่อสาร
อะไรเข้าสอบด้วย
2. ทางศูนย์จะจัดเตรียมอุปกรณ์พวกดินสอ 2 บี ให้อยู่แล้ว ผู้สอบไม่ต้องเตรียมอะไรไป
นอกจากตัวและหัวใจ และเงินค่าสอบ 1,000 บาท เนื่องจากทางศูนย์ไม่ให้เอาอะไร
เข้าห้องสอบนอกจากกระเป๋าตังค์ และบัตรสอบ
3. ห้องนึงจะจุคนประมาณ 20 กว่าคนได้ มีเจ้าหน้าที่คุมประมาณ 3 คน
4. เจ้าหน้าที่จะให้กรอกข้อมูลส่วนตัวใน answer sheet ไปพร้อมๆกัน
คำสั่งที่เห็นใน paper บางทีจะไม่ตรงกับคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ดังนั้นให้ฟังเจ้าหน้าที่
ดีๆ
5. คนที่มาสอบจะมาจากที่ต่างๆกัน ทั้งมาแบบส่วนตัว มาแบบบริษัทส่งมาก็มี เช่น SCG

ตอนสอบ
ข้อสอบจะแบ่งเป็น 7 part
4 part แรก จะเป็น listening session คือทดสอบการฟัง
ส่วนอีก 3 part หลังจะเป็น หาคำที่ถูกมาเติมในช่องว่าง,ให้หาคำผิดในประโยค และ reading
แนวๆ Tofel แต่ง่ายกว่าเยอะ

Listening Session

1. ให้จับเสียงเทปแบบคำต่อคำ เกาะเป็นคำคำ จะไม่หลุด
2. แต่ถ้าข้อไหนหลุด ก็ปล่อยให้หลุดไป อย่าอาลัยอาวรณ์ เพราะต้องรีบทำข้อต่อไป
ถ้ามัวแต่อาลัยกับข้อเก่า จะทไห้พลาดข้อใหม่ไปด้วย
3. ส่วนบรรยายภาพ พยายามดูภาพก่อน แล้วเดาว่าเขาจะพูดอะไรหรือจะมีคำศัพท์
อะไรที่คิดว่าเทปจะพูด

Gramma & Reading Session

1. ให้รีบทำแบบสุดชีวิต ไม่งั้นไม่ทันแน่แน่ (100 ข้อให้เวลา 75 นาที โหดมาก)
2. part reading ให้อ่านคำถามก่อนที่จะอ่าน article จะช่วยให้จับประเด็นได้
ว่าต้อง focus ที่ส่วนไหนใน article
3. ฝนคำตอบให้เร็วที่สุด หรือเก็บไว้หลายๆข้อค่อยฝนทีเดียว
4. ไม่มีคำศัพท์ยากเลย
5. ส่วน Reading ช่วงกลางๆถ้าทำไม่ได้ หรือยากให้ข้ามไปทำส่วนหลังๆก่อน
เพราะหลังๆจะง่ายกว่า
6. Reading ส่วนใหญ่เป็นจม.ธุรกิจ แล้วจะถามว่าคนเขียนต้องการอะไร
แล้วคนตอบต้องทำอะไร เป็นต้น

พอสอบเสร็จก็สามารถให้ทางศูนย์สอบส่งผลสอบไปให้ที่บ้านได้เสียค่าส่งอีก 50 บาท แพงอ่ะ
แล้วทางศูนย์สอบจะจัดส่งให้ทาง EMS จะมาถึงวันรุ่งขึ้นจากวันที่ให้รับผลสอบได้
หรือจะมารับผลเองหรือฝากคนอื่นมารับก็ได้ตอน รับได้ตั้งแต่เวลา 10.00 - 16.30
(อย่าลืมเอา ID Card มาด้วยล่ะ)
ผลจะออกในวันรุ่งขึ้นจากวันที่สอบ
ยกเว้นวันศุกร์ผลจะออกวันจันทร์ สอบวันเสาร์ผลจะออกวันอังคาร
*********************************************
ผลสอบออกแล้ว ได้ 765 คะแนน Listening 420 / Reading 345
ก็โอนะ ถึงจะได้น้อยกว่าที่ต้องการก็เถอะ แต่สอบครั้งแรกได้แค่นี้ก็ดีแล้วแหละ
เห็นปลาบอกว่าเคยไปสอบ ได้แค่สี่ร้อยกว่าๆเองอ่ะ

Saturday, May 19, 2007

Job Interview at .......Co Plc.

ไปสมัครที่บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง
เคยยื่นใบสมัคไปทาง net แล้ว
ทางฝ่ายบุคคลก็เรียกไปสัมภาษณ์

เราไปถึงตอน 10 โมงพอดี
ฝ่ายบุคคลก็ให้กรอกใบสมัคร
แล้วก็ให้ทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษ
ใช้เวลารวม 1 ชม.
หลังจากนี้นรอสัมภษณ์กับ DM (ซึ่งเราพยายามจะถามว่าเป็นใคร
ใช่อ.ที่เรารู้จักหรือไม่ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน)
สักพักก็มีผู้หญิงตัวผอมๆ เดินมาเปิดประตูห้องบอกว่าให้รอแป็บนึง
สักพักก็เดินกลับมาพร้อมกับผู้สัมภาษณ์อีกคนนึงซึ่วก็คืออ.ที่รู้จักและเคยสอนเราด้วย

และอ.ก็จำเราได้ด้วยนะ เสียดายที่ตอบอะไรไปแบบงง เอ๋อๆ ชอบกล
เริ่มจากคำถามแรก
"คิดยังไงถึงมาสมัครที่นี่ล่ะคะ"
"ก็อยากทำงานกับอ.อ่ะค่ะ"
"ทราบเหรอคะว่าจะได้ทำงานกับ อ."
"ไม่ทราบหรอกค่ะ" หัวเราะแหะแหะ
อ.หัวเราะแล้วบอกว่า "อ้าว โกหก-จับได้"
คืออันที่จริง เราควรจะบอกไปว่าเรารู้ว่าอ.ทำงานที่บ.นี้
แต่เราไม่รู้ว่าตำแหน่งนี้ต้อง report directly to Aj. อ่ะนะ
แต่ไม่ได้ตอบไป อ.ก็คงงง ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเราเท่าไหร่

หลังจากนั้นก็เป็นคำถามทั่วไป และอ.ก็อธิบายรายละเอียดงานที่ต้องทำ
สุดท้ายก็บอกให้ไปสอบ Toeic เพราะว่าต้องใช้ในการพิจารณา
require ตั้ง 800 แน่ะ
เราตัดสินใจสอบ เพราะถ้าสมัครสอบผ่านบริษัทนี้ได้ลดราคาด้วย
อีกอย่างเราก็อยากรู้ว่าเราจะได้เท่าไหร่ ถึง 700 ไม๊
คือคาดดว่ามันจะไม่ถึง 800 อยู่แล้วล่ะ แต่ลองดูก็ดี

Friday, May 11, 2007

Doctor

เมื่อวานเย็นไปหาหมอลินดา ไปให้หมอกดสิว (ที่จิงคนกดไม่ใช่หมอหรอก เป็นผู้ช่วยหมอต่างหาก แต่ก็กดเจ็บชะมัด)
แต่ก็ดีกดสิวเสร็จมีการเอาเม็ดไขมันอุดตันที่กดออกมาได้มาให้ดูด้วยนะ สยองมาก
วันนี้คุณหมออารมณ์ดี ตอนพบคุณหมอ คุณหมอบอกว่า
"คราวนี้หมอจะเปลี่ยนยากินตัวใหม่ให้นะ"
"เอ่อ ไม่ต้องกินได้ไม๊คะ เพราะกินไปเยอะแล้ว"
หมอยิ้ม +หัวเราะขำขำ (วันนี้อารมณ์ดีแฮะ)
"ก็ได้ค่ะ ถ้าไม่อยากกินก็ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร
แล้วสิวอักเสบหนูก็หายไปเยอะแล้ว เหลืออีกนิดหน่อยเอง ไม่ต้องกินยาแกอักเสบแล้วก็ได้"
หลังจากนั้นหมอก็บอกว่าวันนี้จะกดสิว หลังกดแล้วจะไม่มีแผล แต่จะเป็นรอยแดงๆ หรือเป็นสะเก็ดสักพัก
แล้วก็จะหาย

"คราวนี้หมอจะนัดเป็น 2 อาทิตย์ครั้งแล้วนะคะ ยา2 หลอดที่ต้องทาทั่วหน้าเนี่ยก็จะให้เป็นหลอดยาวไป
จะได้ใช้ได้นานหน่อย ส่วนหลอดสีฟ้าไม่ต้องใช้เยอะแล้ว ก็ไม่ต้องเอาหลอดใหม่นะคะ"

พอตอนตรวจเสร็จหมอถามว่า
"ตอนนี้ใช้ครีมกันแดดยี่ห้ออะไรคะ"
"ไม่ได้ใช้ค่ะ"
"ไม่ได้ใช้เลยเหรอ พวก sunblock นี่ไม่มีเลยเหรอ"
"หนูไม่ค่อยโดนแดดอ่ะค่ะ ก็อยู่แต่ในตึก (office)"
"แหมแต่มันก็ต้องใช้บ้างนะ ผู้หญิงเราอ่ะ"
"งั้นใช้ยี่ห้อ ไรดีอ่ะคะ คุณหมอช่วยแนะนำหน่อยค่ะ"
คุณหมอยิ้ม "เอาไว้ก่อนละกันค่ะ เอาให้สิวหายก่อน"

แต่เราแอบเห็นว่าคุณหมอทำครีมกันแดดขายด้วยอ่ะ
ที่จริงที่ขายหลายอย่างนะ เราเองก็เคยขอซื้อเจลล้างหน้าของหมอ
ไปใช้ เพราะเห็นว่าใช้ดี แต่หมอบอกว่าไม่ต้องก็ได้ ให้ใช้ยี่ห้อ....ก็ดีเหมือนกัน
อือ ok. ก็เลยไม่ได้ใช้ของหมอ

แต่เราชอบหมอคนนี้นะ เพราะรู้สึกว่าหมอพูดจานุ่มนิ่มดี แล้วก็ทำอะไรเร็วดีด้วย
ตรวจเร็ว พูดเร็ว อธิบายเร็ว ถามอะไรก็ตอบให้เราเข้าใจได้ง่าย
แต่คนไข้เยอะชมัด รอคิววันศุกร์ที ประมาณ 1 ชม.อ่ะ ต้องทิ้งบัตรไว้แล้วไป shop
ที่ Lotus ก่อนทุกที จะได้ประหยัดเวลารอ

Monday, May 07, 2007

Generation Gap

เมื่อวาน เราเจอ+ประชุมกับเพื่อน 2 คน 2 คนนี้อายุน้อยกว่าเราประมาณ 4 ปี เราเชื่อว่าอายุของคนและประสบการณ์ทำไมความคิดและความเห็นต่างกันมาก สองคนนี้ไม่ได้มองอะไรให้ลึกซึ้งเลย ทำงานด้วยแล้วเหนื่อยใจ บางทีก็โมโหเอามากมากที่มัน 2 คน พูดจาง่ายๆ ไม่รับผิดชอบ หรือโทษกันไปโทษกันมา เผลอๆ มาโทษเราด้วย (ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเรา) ทำให้เราเริ่มเข้าใจแล้วว่าการที่ต้องทำงานกับคนที่อายุน้อยกว่าเนี่ย บางทีมันก็ทำให้อารมณ์เสียได้ง่ายๆเหมือนกันนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน ไม่เคยรู้นิสัยใจคอกันมาก่อนน่ะ
โดยเฉพาะยัยเพื่อนจอมตื่นตูม ชอบโวยวาย พูดจาไม่ดี (พูดทีไร คนฟังฉุนทุกที) ไม่รู้ทำไมมันไม่รู้จักระงับอารมณ์บ้าง