Monday, June 25, 2007

ฝันเลอะเทอะ

เมื่อคืนวานฝันว่าได้ไปเดินที่ตลาดสามย่าน แต่ในฝันอ่ะ ตลาดสามย่านกลายเป็นห้างไฮโซ แบบว่ามีร้านขายของสวยสวยงามงามเยอะเลย แล้วก็มีร้านอาหารหรูๆน่านั่งเต็มไปหมด แต่เราฝันว่าได้เจออาแป๊ะที่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้างคณะที่เราเรียนมาเปิดร้านใหม่อยู่ที่ห้างไฮโซนี้ด้วย
ในฝันนะเราไปลองที่คาดผม (ทำจากเพชรทั้งอันเลย) คนขายก็น่ารักมาก มาลองให้ แล้วก็ให้เราส่องกระจก ลองแล้วสวยมากมาก พอลองเสร็จ ก็เดินหาร้านแป๊ะ เพราะบอกกับแป๊ะว่าจะไปกิน แต่หาไม่เจอ ในฝันก็เดินวนวนในห้างสวยสวยไปเรื่อยๆ แล้วก็ตื่น

Wednesday, June 20, 2007

Horizon Center

วันนี้มีนัดไปหาหมอที่บำรุงราษฎร์ พยาบาลที่ทำนัดให้บอกว่าให้ไปหมออุดมศักดิ์ที่ Horizon Center อยู่ชั้นล่าง ตอนที่ทำนัดใจยังนึกสงสัยว่า Horizon Center คืออะไร แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวไปถึงคงรู้เอง พอไปถึงจริงๆ ตอน 17.45 เห้นว่าคนไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ที่เยอะรู้สึกว่าจะเป้นญาติคนไข้มากกว่า แว่บแรกที่เข้าไปรู้สึกเปลกเพราะคนไข้ที่นี่ดูจะเศร้าซึม เด็กๆก็ร่าเริงแบบเหงาๆ คนไข้จำนวนนึงไม่มีผม ทำให้นึกสังหรณ์ใจว่านี่คือศูนย์รักษามะเร็งโดยเฉพาะรึเปล่า แล้วก็เป็นจริงตามที่นึก จากการถามพยาบาลก็ได้รับคำตอบที่แจ่มแจ้ง
หลังจากวัดความดันและชั่งน้ำหนัก ก็นั่งรอ รอรอรอรอรอรอ ปรากฏว่าต้องรอหมอนานมาก ฝรั่งที่นั่งอยู่มุมห้องถึงกับลุกขึ้นมาโวยกับนางพยาบาลเลยว่า “no sorry no sorry, just be careful…I have waited here more than an hour”
ยิ่งนั่งนานก็ยิ่งกระวนกระวาย เนื่องด้วยบรรยากาศมันชวนให้อึดอัด รอบกายแวดล้อมไปด้วยผู้ป่วยมะเร็ง ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งชาย ทั้งหญิง เรานั่งรออ่านปุลากงที่เพื่งซื้อมาจนหมดทุกตอนที่อยากอ่านแล้ว จนเบื่อนั่นแหละถึงได้ลุกไปถามพยาบาลว่านี่ชั้นนั่งรอมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ แล้วชั้นก้นัดมาก่อนแล้วด้วย เมื่อไหร่จะถึงคิวเราซะที พยาบาลก็บอกว่าวันนี้คนไข้เยอะ แล้วก็มาเลทกันทุกคน ทำให้เลทไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะถามผู้ช่วยหมอให้นะคะว่าเหลืออีกกี่คิว

จ๋อย...คอตกกลับมานั่งต่อ รออีก 15 นาที กว่าผู้ช่วยคนที่ว่าจะกลับมาบอกว่าเหลืออีก 3 คิวเองค่ะ ซึ่ง 3 คิวนั้นก็ทำให้กินเวลาไปอีกครึ่งชั่วโมงเศษ ตกลงว่ากว่าจะได้พบหมอก็ ทุ่มนึงพอดี
แต่จะบอกว่าหมอน่ารักมาก เห็นท่าทางยังเด็กๆ แต่คุยดีทีเดียว แม้หน้าตาจะไม่ปิ๊งก็เหอะ ตอนแรกหมอจะให้ขึ้นเตียงตรวจเลย แต่เราอยากคุยกับหมอก่อน ด้วยคำถามเดียวเลยว่า “มันจะเป้นอะไรได้บ้างคะหมอ” หมอเลยอธิบายให้ฟังพร้อมให้ดูผลตรวจเลือด 2 ปีเทียบกันว่า “อันนี้คือผลตรวจเลือดของปีที่แล้วกับปีนี้นะครับ ถ้าเทียบกันดูจะเห้นว่าเม็ดเลือดแดงของคุณมีขนาดเล็กกว่าปกติในปีที่แล้ว และก็ยิ่งเล็กลงกว่าเดิมอีกในปีนี้ ซึ่งก้เป็นไปได้สองอย่างก้คือเป็นโรคขาดธาตุเหล็ก หรือเป้นธาลัสซีเมีย วิธีแยกระหว่าง 2 โรคนี้ก้จะทำได้หลายวิธี อย่างแรกคือให้หมอตรวจดูตับกับม้ามว่ามันโตรึเปล่า หรือถ้าไม่อยากให้หมอตรวจก็ยังมีอีกวิธีนึงคือเอาธาตุเหล็กไปกิน สักระยะนึงแล้วกลับมาเจาะเลือดตรวจอีกทีถ้าหายก็ไม่เป็นไร แปลว่าคุณขาดธาตุเหล็ก แต่ถ้าไม่หาย ก็ต้องเจาะเลือดตรวจละเอียดอีกทีว่าคุณมีเชื้อธาลัสซีเมียอยู่รึเปล่า ซึ่งถ้ามีเม็ดเลือดแดงคุณก็จะไม่โตขึ้นถึงแม้จะกินธาตุเหล็กแล้วก็ตาม แล้วก็ไม่ต้องทำอะไร ก็แค่เวลาจะแต่งงานก็มาเช็คเลือดว่าแฟนคุณเป็นด้วยรึเปล่า”
หลังจากนั้นเราก็ถามคำถามหมอไปเรื่อยๆ จนหมดคำถาม
หมอก็ถามเรากลับบ้าง “อ่ะ คุณ..... ถามหมอเยอะแล้ว เดี๋ยวหมอขอกลับคุณบ้างนะครับ”
“อายุเท่าไหร่แล้วครับ”
“มีใครในบ้านเป็นโรคเลือดบ้างไม๊ครับ”
“มีใครในครอบครัวที่เคยแท้งลูกบ่อยๆไม๊ครับ”
“มีเลือดออกในร่างกายทางไหนบ้างที่ออกเยอะ เช่นเมนส์มาเยอะไม๊ แล้วเยอะสม่ำเสมอรึเปล่า”
“เป็นโรคกระเพาะไม๊ครับ”

สรุปว่าเมื่อวานได้เล่น 20 คำถามกับหมอ เอ็ยไม่ใช่ ได้ถามตอบกันจนพอใจ สบายใจทั้งสองฝ่ายเลย
ก็เป้นว่าเราเอาธาตุเหล็กมากิน แล้วอีกเดือนนึงก็ไปเจาะเลือดตรวจใหม่ ถ้าหายก้จบกัน ถ้าไม่หายก็ต้องเจาะเลือดดูอีกที


นี่คือรูปหมอ อ.นพ. อุดมศักดิ์ บุญวรเศรษฐ์

แต่ว่ากว่าจะเสร็จ กว่าออกใบเสร็จ กว่าจะรับยาก้พอดี 2 ทุ่ม นี่เราอยู่ในนี้ตั้ง 2 ชั่วโมงกว่านะเนี่ย เท่าที่ดูเรารู้สึกว่าคนที่นี่ทำอะไรช้าแล้วก็ไม่ทันใจเอาซะเลย ทุกขั้นตอนช้าไปหมด แต่ที่ดีก็คงเป็นหมอนี่ละที่น่ารัก มีหมออยู่คนนึงนะ เดินออกมารับคนไข้เด็กเล็ก (สงสัยจะเป็นมะเร็ง) ด้วยตัวเองเลยแถมเดินทำท่าหลอกล่อสุดชีวิต มีกวักไม้กวักมือ จนพยาบาลแซวว่า “ออกมารับคนไข้เองเลยหรือคะหมอ” “อือ ก้จะได้เสร็จเร็วๆไง วันนี้คนไข้เยอะมาก”

เรารอจ่ายยาจนหงุดหงิด จนป้าที่นั่งข้างๆมาถามว่า “มาให้คีโมเหมือนกันหรือคะ ดูคุณเครียดมากเลย” โธ่ท่าทางเราอิ่มเอิบขนาดนี้จะเป็นมะเร็งได้ไงเล๊า ที่เห้นหน้าเครียดนะ เพราะว่าหงุดหงิดที่ต้องถูกแวดล้อมไปด้วยคนที่เป็นมะเร็งหรอกน่า คิดดูก้น่าเห้นใจคนที่เป็นโรคมะเร็งนะ แล้วก้น่าเห็นใจญาติของผู้ป่วยมะเร็งด้วย วันนี้ได้เห็นพ่อแม่ที่พาลูกเล็กๆที่เป็นมะเร็งมารักษา..... ได้เห็นสามีกอดภรรยาที่เป้นมะเร็งแล้วร้องไห้ด้วยกัน.....ทำให้ได้คิดว่ามะเร็งนี้มันไม่ได้แค่ทำร้ายร่างกายของคนป่วยอย่างเดียว แต่ยังทำร้ายจิตใจของพ่อแม่พี่น้องคู่สมรสของผู้ป่วยอีกด้วย และเชื่อว่าในบางครั้งเจ็บปวดทางใจรุนแรงกว่าเจ็บปวดทางกายมากมายนัก...

กลับบ้านเจอน้องปาล์ม นั่งอยู่บนรถหน้าบ้าน อุตส่าห์เปิดกระจกออกมาทักทายอี๊อ้อด้วย
วันนี้ม้าห่อบ๊ะจ่าง กินบะจ่าง 2 ลูก (ชดเชยข้าวกลางวันที่งดไป-แล้วเมื่อไหร่จะผอม) แล้วก็นอน

Sunday, June 17, 2007

แด่ทหารหาญ

แด่ทหารหาญที่ชื่อ ร.ต.อรรถพล ประพันธ์

"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.15 น. วานนี้ (15 มิ.ย.) ขณะ ร.ต.ปัตตพล ประพันธ์ หน.ชุดร้อย ร.2514 สังกัด ร.25 พัน.3 ตั้งฐานปฏิบัติการในโรงเรียนบ้านวังหิน หมู่ 8 บ้านตือระ ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา พร้อมกำลัง 8 นาย นำรถกระบะออกลาดตระเวนมาถึงบริเวณหลังสถานีอนามัยบ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา คนร้ายดักซุ่มในสวนลองกองบนเนินเขาด้านซ้ายของถนน ได้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ฝังดักไว้ใต้ผิวถนนระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้รถกระบะและเจ้าหน้าที่บนรถถึงกับกระเด็นไปคนละทิศละทาง ขณะเดียวกัน คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงถล่มซ้ำหูดับตับไหม้
หลังถูกลอบโจมตี ร.ต.ปัตตพล หัวหน้าชุดสั่งให้เจ้าหน้าที่ปักหลักใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ทั้งที่ส่วนใหญ่ ถูกระเบิดบาดเจ็บ และถูกห่ากระสุนปืนของคนร้ายที่ยิงเข้ามาถี่ยิบบาดเจ็บ เนื่องจากคนร้ายมีกำลังเหนือกว่าและอยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบ จากนั้นกลุ่มโจรอีกชุดได้กรูเข้าประชิดตัวใช้อาวุธปืนจ่อยิงซ้ำอย่างเหี้ยมโหดทำให้ เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตทันทีรวม 7 นาย และยังชิงเอาอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 7 กระบอก และปืนพกอีก 1 กระบอกไป ขณะเดียวกัน ร.ท.ภาณุวัฒน์ สุคชเดช รอง ผบ.ร้อย ร.2514 ตั้งฐานในโรงเรียนบ้านวังหิน ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 2 กม.ได้รับวิทยุแจ้งขอความช่วยเหลือนำกำลังมายังที่เกิดเหตุเกิดปะทะกับกลุ่มคนร้ายอีกระลอกนานกว่า 30 นาที ก่อนคนร้ายจะอาศัยความชำนาญพื้นที่ ล่าถอยหลบหนีไปได้
ต่อมา พ.ต.ท.นิยม รื่นเริง รอง ผกก.สส.สภ.อ.บันนังสตา ทราบเหตุพร้อมด้วย ร.ต.ท.โยธิน วรรณทวี ร้อยเวร นายเมธี กาญจนภูวะ นอภ.บันนังสตา นายพนิต ยอดพานิชย์ ปลัดอาวุโส นำกำลังตำรวจและ อส.รุดมาที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า คนร้ายตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มขวางทาง 2 จุด และโปรยตะปูเรือใบสกัด ทำให้ต้องเสียเวลา เคลียร์เส้นทางกว่าจะเดินทางถึงจุดเกิดเหตุ พบหลุมระเบิดขนาดใหญ่ลึกกว่า 1 เมตร กว้าง 3 เมตร และสะเก็ดระเบิดแสวงเครื่องหนักว่า 20 กก. กระจายเกลื่อน พบสายไฟต่อเข้ากับแบตเตอรี่ลากจากจุดเกิดเหตุขึ้นไปบนเนินเขาข้างทางยาวกว่า 50 เมตร
สำหรับเจ้าหน้าที่ทหารที่ถูกยิงเสียชีวิตทั้ง 7 นาย ประกอบด้วย จ.ส.อ.จรรยา อินทรวิสัย อายุ 42 ปี ส.อ.รังสรรค์ รักชาติ อายุ 32 ปี ส.ท.กิตติศักดิ์ เชาวลิต อายุ 25 ปี พลทหารยอดมนู อำมณี อายุ 23 ปี พลทหารดุลยพล มิ่งสงค์ อายุ 21 ปี พลทหารไพโรจน์ บุญคง อายุ 21 ปี และพลทหารบรรจง ชุมทอง อายุ 20 ปี สภาพศพผู้ตายแต่ละศพมีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดและถูกยิงตามร่างกายหลายแห่ง ส่วน ร.ต.ปัตตพล หัวหน้าชุดถูกกระสุนปืนของคนร้ายเจาะข้อมือขวาทะลุอาการสาหัส เจ้าหน้าที่ประสานขอเฮลิคอปเตอร์มาลำเลียงผู้บาดเจ็บและศพทหารทั้ง 7 นาย ส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ต่อมาช่วงเย็น พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานรดน้ำศพเจ้าหน้าที่ทหารที่เสียชีวิตทั้ง 7 นาย ที่วัดพุทธภูมิ อ.เมืองยะลา"

จากข่าวข้างบนนี้ เราได้มีโอกาสดูรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ร้อยตรีอรรถพล ประพันธ์ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทหารหาญทั้ง 7 คนที่เสียชีวิตไป และเป็นผู้ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุการณ์นี้ โดยร้อยตรีอรรถพลให้สัมภาษณ์ทั้งที่ยังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เนื่องจากถูกยิงบริเวณข้อมือจับใจความสำคัญได้ว่า "ขณะออกลาดตระเวณกับลูกน้องทั้ง 7 นาย ขับไปโดนหลุมระเบิดทำให้รถคว่ำ และหลังจากนั้นยังถูกคนร้ายจำนวนกว่า 10 คนล้อมยิงด้วยอาวุธ ทำให้คนเองได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่ข้อมือขณะที่จะยกปืนขึ้นต่อสู้ จึงได้วอเรียกขอความช่วยเหลือจากหน่วย"

"หลังจากที่พักรักษาตัวจนหายแล้ว ผมก็พร้อมจะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ทันทีครับ"

"ผมอยากจะขอโทษลูกเมียและญาติของทหารผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 7 คนด้วยครับ เพราะจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด ทำให้ทั้ง 7 คนต้องเสียชีวิต (น้ำตาคลอตา) และผมเสียใจมาก.....และฝากขอโทษกับญาตินายทหารทั้ง 7 คนครับ..."

ได้ฟังบทสัมภาษณ์แล้วสะท้อนใจจนน้ำตาซึม ได้คิดอะไรหลายอย่าง อาชีพทหารนี้ต้องแบกรับภาระมากมาย คะเนดูแล้วร้อยตรีอรรถพลนี้อายุไม่น่าจะเกิน 25 ดูจากหน้าตาและตำแหน่งแล้วน่าจะพึ่งจบมาด้วยซ้ำไป แต่กลับต้องแบกภาระมารับผิดชอบงานปกป้องคุ้มครองอธิปไตยในพื้นที่จังหวัดยะลา ซึ่งเสี่ยงชีวิตมากๆ รวมถึงดูแลสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 7 คน

สำหรับทหารอาชีพแล้ว คำว่า "ผู้บังคับบัญชา" นั้นมีความหมายที่ยิ่งใหญ่มากเพราะหมายถึงการรับผิดชอบต่อชีวิต ของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกท่าน การสั่งการในสนามรบ การออกลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงอันตรายที่เต็มไปด้วยกับระเบิดและกลุ่มผู้ก่อการร้าย ในสถานการณ์แบบนี้ "คำบัญชา"และ "การสั่งการ"ย่อมหมายถึงความเป็นความตายของคนทั้ง 7 คนได้หากสั่งการผิดพลาด หรือหากต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ (แม้ไม่ใช่ความผิดของผู้บังคับบัญชา) แต่หากลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเสียชีวิตไปจากการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ก็เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาท่านนั้นต้องเสียใจ และรู้สึกผิดหนักหนาสาหัส เพราะลำพังแต่เพียงชีวิตลูกน้องทั้ง 7 คน ที่เห็นหน้าเห็นตากันทุกวันต้องจากไปแล้ว ก็ยังมีลูกเมีย ญาติพี่น้อง พ่อแม่ที่จะต้องเสียใจกับการจากไปของทหารหาญเหล่านั้น แล้วใครจะรับผิดชอบกับความสูญเสียเหล่านี้ได้ หากเมียทหารต้องเป็นม่าย หากลูกต้องกำพร้าพ่อ หากพ่อแม่ที่แก่เฒ่าต้องสูญเสียลูกชายที่หวังจะได้ฝากผีฝากไข้ยามชรา....คำว่า"ผู้บังคับบัญชา"สำหรับทหารแล้วจึงถึงเป็นความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งเทียบได้กับชีวิตของคน และมิใช่เพียงชีวิตตัวผู้ใต้บังคับบัญชาคนเดียว...หากยังรวมถึงชีวิตของลูกเมียและครอบครัวอันเป็นที่รักของทหารหาญเหล่านั้นด้วย....

ทหารอาชีพนั้นต้องรับผิดชอบอะไรมากกว่าที่เราคิดมากมายนัก.....

หลังจากที่ได้ฟังการสัมภาษณ์ของร้อยตรีอรรถพลแล้ว คุณสู่ขวัญได้มีความเห็น(ซึ่งค่อนข้างตรงกับที่ใจเราคิด) ว่า
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีใครอยากให้เกิด โปรดอย่าคิดว่าเป็นความผิดของตนเองเลยค่ะ ทางเราต่างหากต้องขอบคุณนายทหารทุกท่านที่ได้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องบ้านเมือง ทำให้คนไทยทั้งชาติเราได้มีชีวิตที่สงบสุข"

ขอส่งกำลังใจให้ร้อยตรีอรรถพล ขอให้มีความเข้มแข็งทั้งกายและใจสมกับที่เป็นทหารแห่งกองทัพไทย และขออย่าได้คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของตนแต่ผู้เดียว เพราะความจริงแล้วการที่ทหารฝ่ายเราสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่อาจแก้ไขหรือป้องกันได้ด้วยนายทหารยศเพีงร้อยตรีคนเดียว หากแต่ต้องอาศัยการตัดสินใจผู้ใหญ่ในกองทัพ รวมไปถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทยทั้งประเทศจึงจะปราบปรามเหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้ได้ ลำพังแต่นายทหารยศร้อยตรีนั้น เพียงแค่การเสียสละความสุขส่วนตัว ยอมแลกชีวิตเพื่อความสงบสุขของประเทศชาติและพี่น้องชาวไทยนั้น กับความกล้าหาญที่อาสามาทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตรายที่สุดตอนนี้ ก็ถือเป็นสิ่งที่น่ายกย่องและเป็นเกียรติอย่างสูงแล้ว โปรดอย่าได้ถือเอาปัญหาของบ้านเมืองมาเป็นความผิดของตนเองคนเดียวเลยค่ะ เราภูมิใจที่มีทหารอย่างคุณคอยปกป้องประเทศเราไว้

Friday, June 15, 2007

Sushi Tei







Thursday, June 14, 2007

Le Siam Cuisine











"หัวใจอ่อนแอได้ แต่จิตใจอ่อนแอไม่ได้"
"เมื่อเธอคิดถึงเค้า หัวใจเธอจะเต้นแรง พอหัวใจเธอเต้นแรง เธอก็จะเหนี่อย...


ที่พูดนี่ ไม่ได้ห้ามไม่ให้มีความรัก แต่ให้เอาความรักเก็บไว้เป็นพลังใจ"






รักเธอทุกวัน




Wednesday, June 13, 2007

Having a Annual Physical Check up



วันนี้ไปบำรุงราษฎร์มา ไปตรวจร่างกายประจำปี รู้สึกประทับใจ เพราะได้ของแจกเยอะดี ผ้าพันคอ กับรองเท้าแตะ แล้วคราวนี้ไม่มีปัญหาเหมือนคราวที่แล้ว เช่น ห้องเจาะเลือดเป็นส่วนตัว และไม่ต้องจอแจเหมือนปีก่อน มี snack ให้กิน


เจอมินท์ ปรมินทร์ ซึ่งก็คุยดีแฮะ เจอโป๊ะ เจอฟูจิกิ ซึ่งก้เดินวนไปวนมาตรวจนู่นนี่เยอะไปหมด (แก่แล้วนิ ก็ต้องตรวจเยอะเป็นธรรมดา)

แต่ตอนเย็นเสียค่าเค้กไป 144 บาท เฮ้อ ไม่น่าเลยเรา



ตรวจเสร็จ 11 โมงกว่า ไปเดินตลาดนัดกรุงไทยซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย อ้อ!! มีของกินนิดหน่อย


แล้วไปกินข้าวที่เพลินจิตเซ็นเตอร์ถิ่นเก่า ซึ่งเดี๋ยวนี้ทำซะหรูมีร้านสตาร์บั๊คด้วยน้า

คราวนี้ได้เสื้อยืดมาตัวนึงจากร้าน outlet เกือบได้เสื้อหนาวอีกตัว แต่ว่ามันใหญ่ไป แล้วเนื้อไม่ดีเท่าไหร่เลยไม่เอา

หลังจากนั้นก็ยังไปเดินตลาดนัดกรุงศรีต่อ จนเหนี่อย แต่ก็นะ ไหนๆ ก็มาแล้ว เดินมันซะทีเดียวเลยละกัน ซึ่งก็ไม่ได้อะไรนอกจากของกิน อิอิอิอิ

~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

ทำไมมันน่ารำคาญแบบนี้(โว้ย)

ทำไมเวลาคุยกับใครบางคน ไอ้ใครคนนั้นมันต้องทำเราอามรณ์เสียทุกทีสิน่า
ด้วยเรื่องเดิมๆ อารมณ์เดิมๆ
แทบจะคาดเดาได้เลยว่าจะได้รับคำพูดแบบไหนกลับมา
แล้วเราจะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน
ทำใจเย็นเท่าไหร่ ก็ไม่รู้สึกดี

ด้วยเรื่องจุ๊กๆจิ๊กๆ ไม่เป็นเรื่อง
"ทำไมไม่บอก"
ก็ฉันบอกให้ print แล้วเธอบอกชั้นว่าไง
เธอบอกว่าเธอต้องมา print ตอนเช้าที่ไม่มีคน แล้วก็ทำท่าจะไปโบ้ยให้อีกคน print
แล้วไอ้อีกคนนั้นมันก็จะไปโบ้ยให้แม่มัน print อีกที
แล้วก็ยุ่งไปกันใหญ่
ก็ถ้าสามารถที่จะ print เองได้ ทำไมไม่ print เอง (แล้วทียังงี้ทำไมไม่บอก)
ทำไมต้องไปโบ้ยให้คนอื่น

แล้วไอ้คนอื่น ทำไมมันไม่เคยใส่ใจเลย

โว้ย...เซ็ง....

Thursday, June 07, 2007

Irissa


"ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าผมมีความฝันอะไร ผมเคยคิดว่าจะตระเวนถ่ายรูปไปทั่วโลก แล้วฏ้อยากเป็นนักธุรกิจที่เก่งๆ จะได้ให้พ่อกับแม่ภูมิใจ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่มันก็มีบางอย่างที่ผมค้นหาเพื่อมาเติมเต็มชีวิตผมเหมือนกัน"

Wednesday, June 06, 2007

Loose One Opportunity, Get Another Opportunity

วันนี้ไม่ได้ไปสัมภาษณ์ที่ Thai Cardiff
แต่ไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะคิดเอาเองว่าถึงไปมันก็คงไม่เอา
เพราะเราเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน
แต่ตอนเย็นแอบโทรไปหาคุณ Anshika ซึ่งเค้าโทรเข้ามือถือเราตั้งแต่เมื่อวาน
แต่เราดันลืมมือถือไว้ที่บ้าน เค้าก็เลยฝากข้อความไว้
ยังคุยดีเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือย้ายจาก Unomous Recruitment
มาเป็น Jobsdb เราต่างคนต่างจำกันได้ เรารู้ว่าคนนี้เค้าก็พูดจาน่ารัก
เค้ายังถามเราเรื่องว่าให้มาเป็น Company Secretary (ตำแหน่งเดิมอ่ะ ที่บริษัทเดิมด้วย)
ว่าคุณพิมสิริเคย approach เราใช่ไม๊ แล้วตอนนี้ยังสนใจทำงานตำแหน่งนี้รึเปล่า ตอนนี้คนที่ได้งานตำแหน่งนั้นเค้าลาออกไปแล้ว
ถ้าสนใจก็อาจจะเรียกไปสัมภาษณ์อีกครั้ง เพราะคนสัมภาษณ์เค้าลืมไปแล้วว่าสัมภาษณ์อะไรไปบ้าง
เราแอบรู้สึกดีนิดหน่อย ที่ยังอุตส่าห์จำเราได้ แต่ใจคิดว่าคงเป็นไปได้ยากแล้วสำหรับงานนี้ เพราะว่าเราได้งานใหม่แล้ว
ดังนั้น เงินเดือนที่เคยเรียกไปก็ต้องสูงขึ้น แล้วตำแหน่งนี้มันไม่ควรได้เยอะขนาดนี้ ก็เลยบอกเค้าไปตามที่ใจคิด เค้าก็บอกว่าเค้าเข้าใจนะ
แต่ถ้ายังสนใจก็ให้ส่ง resume มาตอนเช้าวันพรุ่งนี้ เราก็เลยบอกว่า ok. แล้วจะส่งไปให้ คุยน่ารักยังงี้เรา ok. อยู่แล้ว
32 + 12 + 7 + 50 + 90 + 25 = 210

Smile : )

ร่างกายป่วย แต่หัวใจมีความสุข
ทำให้มีรอยยิ้ม.....ได้

รักเธอทุกวัน.....

The Day I Get Sick..

วันนี้ไปหาหมอแต่เช้า ตอนแรกคิดว่าจะไปกรุงเทพคริสเตียน แต่เปลี่ยนใจไป BNH เพราะกลัวว่าคริสเตียนจะคนเยอะ ไปถึง BNH มีเจ้าหน้าที่ต้อนรับอย่างดี แบบว่าจะไปไหนก็พาเดินไป พาขึ้นชั้นบน พาไปวัดความดัน หมอก็น่ารัก เพิ่งรู้ทีหลังว่าชื่อคุณหมอสิริชัย บอกว่าให้รักษาร่างกายให้อบอุ่น มีถามว่าเรากลัวเข็มรึเปล่า คือหมออยากให้ฉีดยาจะได้หายเร็ว แต่ถ้ากลัวเข็มจะไม่ฉีดก็ได้เพราะว่าเป็นไม่มากเท่าไหร่ แต่ถ้ากินยาต้องกินน้ำมากมากนะ เพราะยาตัวนี้จะทำให้คอแห้งมาก แถมตอนที่เราน้ำลายหกก็รีบหยิบทิชชู่มาเช็ดให้เราอีก มือไวด้วยนะ (หมายถึงหยิบทิชชู่เร็วกว่าเรา)
การที่ได้รักษากับหมอหล่อนี่มันมีข้อดีนะ เพราะว่าเราจะยอมปฏิบัติตามคำสั่งหมออย่างดียิ่งและเต็มใจสุดๆ เออที่มีมีการให้เราประเมินด้วยนะว่าฝ่ายไหนที่ให้บริการประทับใจที่สุด



ถ่ายรูป รพ.มาให้ดูกันระหว่างรอทำประวัติคนไข้ แค่เก้าอี้ก็ Hiso ซะ

ปล.เพิ่งรู้ววันนี้ว่าสระผม 2 วันครั้งก็ได้นิ จัดทรงง่ายอีกตะหาก 55555