Sunday, May 25, 2008

27 Dresses & Enchanted

เดี๋ยวมาต่อ

Sizzler & Fuji

ตอนแรกอยากกิน Fuji แต่พนักงานมันบริการไม่ค่อยดี ชักช้าจรไม่ทันสั่งอาหาร set lunch เลยเปลี่ยนมากิน Sizzler ดีกว่า คราวนี้ก็กินจนอิ่มอึดอึด แต่ไม่มาก 555 เกิดจากการรู้จักคิดและตัดสินใจได้ ค่าเสียหาย 194 บาท (น้ำเปล่า)
ว่ากันตามจริง Sizzler นี่ก็ใช่ว่าจะบริการดีนะ เพราะสั่งอาหารไปตั้งนานกว่าจะมาเสิร์ฟ แล้วอาหารบางอย่างก็ไม่เอามาเติมเช่น chocolate mousse เราเล็งอยู่ตั้งนานกว่าจะมา (เพียงแต่มันมีสลัดมาให้กินค่าเวลา เลยโอ)

คราวนี้กินพวกสลัดได้เยอะนะ เติม 3 รอบ อาจเป็นเพราะกินแต่พวกผักที่คลุกกับเนิ้อสัตว์ เช่น chicken mango (อร่อยติดใจ)แล้วก็ได้กินผักที่ปกติไม่ค่อยกินเช่น มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง แก้วมังกร สลัดแก้ว สรุปว่าอร่อนอ่ะ แล้วก็อิ่มมากเกินไม่นีสนึง แต่รู้ว่าคราวนี้กินได้เยอะโดยไม่ทรมานเหมือนคราวก่อน แต่กินซุปเห็ดแค่ถ้วยเดียวเอง (อร่อยอ่ะ)

ซื้อของเครื่องเขียน body Spray ของ Body Shop 162 บาท ไม่เอาถุงด้วย ช่วยลดโลกร้อน + ซื้อ คอนแทคเลนส์อีก 450 ลงมาข้างล่างเจอธงฟ้าอีก เลยไปเดินได้แป้ง Arty มาถูกสุดๆ 250 บางเอง รวมตลับด้วยนะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้รึเปล่า เลยไม่กล้าซื้อเยอะ อีกอย่าง ก็เพิ่งซื้อตลับใหม่มาด้วย ต่อด้วยซื้อลิ้นจี่กระป๋องอีก 4 กระป๋องร้อย 5555 กลับมารีดผ้าต่อ (ไม่ไปเอาเสื้อ - ขี้เกียจต่อรถ เพราะรถเมล์ขึ้นราคา ไว้มาใหม่แล้วแวะหาหมอลินดาซื้อกันแดดด้วยดีกว่าจะได้คุ้ม)

ไอ้ที่อยากได้วันนี้คือ รองเท้ากะลิปสติกนี่ไม่ได้เลยอ่ะ ไม่มีที่ถูกตาในราคาที่ถูกใจเลยอ่ะ Estee กะ Clinique เนี่ยโออยู่นะ แต่ราคาแพงไม่นิด โดยเฉพาะเวลาที่เคยซื้อตอนลดราคามาแล้วอ่ะ เลยซื้อตอนราคาเต็มไม่ลง แต่ที่จริงก็ยังพอมีใช้นะ ใช้ไปก่อนละกัน

ส่วนรองเท้า ยังไม่เจอที่ถูกใจอ่ะ ใส่ที่มีไปก่อนละกันนะ ไว้ลองดูอีกทีคราวหน้า

พรุ่งนี้มี Train : Project Risk Management แต่เช้าตรู่ 7.30 ลงทะเบียน แต่เราต้องไปตั้งก๊ะ 7 โมงอ่า (ไม่เป็นไรหรอก นานๆที)

Sunday, May 04, 2008

Power of Life







Monday, April 28, 2008

ยำไก่ทอดเจ๊แดง สามย่าน

เจ็แกดังนะนี่โดยเฉพาะใน pantip เราเองก็เคยมากินกับเพื่อน ตอนนั้นมากับเพื่อนที่เรียนจุฬาฯ (แต่คณะอื่น) ที่รู้จักเจ๊แดง แต่จุดหมายหลักของเพื่อนคนนั้นน่าจะเป็นร้านเค้กต้นกกที่อยู่ข้างๆร้านเจ๊แดงมากกว่า

ตอนสมัยเรียน รุ่นน้องๆ (น้องจ๋า) เคยถามเป็นเชิงอำเล่นๆว่า "พี่รู้จักร้าน Madame Roug ที่อยู่แถวคณะเรารึเปล่า" ฟังแรกๆอาจมีงง และนึกเข้าใจไปเองว่าร้านนี้ต้องเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสไฮโซแน่แน่ แต่ทำไมตรูไม่เคยได้ยินมาก่อนฟร่ะ แต่ถ้านึกดูดีดี(โดยเฉพาะคนที่เรียนภาษาฝรั่งเศสว่า Rough แปลว่า สีแดง) จะรู้ว่าร้านนี้ชื่อเป็นฝรั่งเศส แต่ขายอาหารลาวอร่อยมากๆ เพราะเจ๊แดงตำเองกะมือ 5555

ฤกษ์ดีได้ไปกินยำไก่ทอดวันนี้ (ซื้อมากินบ้านนะ) ที่ร้านเต็มแน่นจนมีคนยืนคอยโต๊ะอยู่หน้าร้านหลายคน ทั้งที่จริงๆมันเที่ยงครึ่งแล้ว และร้านส้มตำเจ้าข้างๆยังว่าง แต่คนยังคอยเจ็แดงอย่างอดทน 55555555555

ชอบเจ็เพราะว่าเจ็แกทำอร่อยทุกอย่าง ของก็คัดที่ดีมีคุณภาพ อย่างคอหมูย่างก็เป็นหมูไม่ติดมัน ยำไก่ก็ให้ไก่เยอะ (สมราคา 50บาท) ส้มตำก็ดูสะอาดน่ากิน แถมเจ็บริการรวดเร็วด้วยลูกมือ professional ไม่กร้าวกราด พูดจาดี มีความสุภาพตามสมควร 5555 ทำให้ลูกค้าเนื่องแน่นตลอด ขนาดเราไม่ได้กินนานยังคิดถึง และรู้สึกว่ารสชาติยำไก่ทอดจะดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างตราวนี้มีใส่ใบมะกรูดซอยกับกะหล่ำฝอยด้วย (จำได้ว่าเมื่อก่อนไม่มีอย่างงี้นะ) ดูดีทีเดียว แตราคาขึ้นมา 10 บาทแน่ะ (ก็มันจะ 10 ปีแล้วนี่นา)

แต่ข้อเสียเด่นๆของเจ็คือ เจ็ใส่ผงชูรสเยอะไปอ่ะ กินเสร็จแล้วคนแห้งมากมาก :( พาลจะเจ็บคอเอาอ่ะ

หมอลินดา

วันนี้ไปหาหมอลินดามาเพื่อไปเอาขี้แมงวัน+ไฝ+กระเนื้อออก หมอไม่ยอมเอาเม็ดใหญ่ๆที่คอออกให้อ่ะ บอกว่ามันอาจจะเป็นแผลเป็นนะ เพราะว่าเม็ดมันลึกและมีราก จะโอมั้ย แล้วก็ถ้าจะทำก็ให้มาทำวันหลัง วันนี้ก็เลยทำที่หน้าอย่างเดียว

คราวนี้เราทำให้หมอขำกิ๊กกั๊กอีกแล้ว ตอนที่หน้าแปะยาชาเต็ม แต่ดันขอหมอออกไปธุระข้างนอก (ก็คลีนิกหมอกรณ์กิจที่อยู่ข้างๆเองอ่ะ)

คือพอแปะยาชาเสร็จปุ๊บ เราก็ถามหมอว่าต้องรออีกที่นาทีถึงยิงเลเซอร์ได้ หมอก็บอกว่าประมาณ 40 นาทีนะคะ เราเลยบอกว่าจะขอไปธุระที่คลีนิกข้างๆหน่อยได้ไม๊ หมอเค้าทำหน้าขำๆว่าไอ้ได้น่ะได้ แต่คุณไม่อายเค้าเหรอที่หน้าตาตอนนี้มีเทปแปะเต็มเลย แล้วก็ยื่นเอากระจกให้เราดู เราก็ทำหน้านิ่งๆบอก "ไม่อายค่ะ" (self จัดไปไม๊ตรู) คุณหมอเลยขำใหญ่ แหม ก็เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆนี่นา ก็คลีนิกข้างๆอ่ะเดินไป 3 - 4 ห้องก็ถึงแล้ว แถมหมอก็คงพอเดาได้ว่าเรากำลังจะจี้ขี้แมงวันออกอ่ะ เลยต้องเอายาชาปิดที่หน้า ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นต้องอายเลยนี่นา แค่มันดูแปลกๆหน่อยก็แค่นั้นเอง 555555

คำคมคุณสาลี่

เมื่อคืนได้ดูละครนางทาส ซึ่งไม่ค่อยอยากดูเท่าไหร่โดยเฉพาะตอนหลังจากที่อีเย็นถูกเจ้าคุณแกล้งเป็นต้นไป แต่บังเอิญว่าเมื่อคืนได้ดูอยู่ตอนนึงที่สาลี่ถูกเจ้าคุณเรียกมาถามว่า แอบไปเล่นการพนันจริงรึเปล่า ซึ่งสาลี่ตอบได้ถูกใจว่า ที่ไปเล่นน่ะเป็นเพราะว่าเหงาที่เจ้าคุณไม่เคยสนใจไยดีในตัวสาลี่มาตั้งหลายปี หากเจ้าคุณยังรักยังใส่ใจสาลี่อยู่ มีหรือที่สาลี่จะหันหน้าไปหาวงการพนันทั้งที่รู้ว่าเจ้าคุณไม่ชอบ สาลี่ทั้งรักและภักดีกับเจ้าคุณเพียงผู้เดียว ทุกสิ่งที่ทำไปจะถูกหรือผิดไม่สาลี่ไม่เคยสนใจเท่ากับว่า ทำไปแล้วเจ้าคุณจะกลับมารักสาลี่ไม๊ หากสิ่งที่ทำมันเป็นเรื่องผิดก็คงเกิดจากการที่สาลี่รักเจ้าคุณมากเกินไป และมีความเห็นว่าเจ้าคุณไม่มีความเป็นธรรมที่ทอดทิ้งและไม่ไยดีในตัวสาลี่นั่นเอง อันเป็นสาเหตุคัญที่ผลักสาลี่เข้าสู่วงการพนัน

โหยฉากนี้ปรบมือให้คนเขียนบทที่สื่อ idea ของสาลี่ออกมาได้ดี ทำให้ตัวละคร(ที่แม้จะเป็นตัวร้าย) ก็ยังมีความคิดความอ่าน และอ้างเหตุผลได้ถูกใจเรา และคุณหญิงแย้มนัก คุณหญิงแย้มเองยังพูดกับเจ้าคุณตรงๆว่า "อีชั้นก็เห็นเหมือนกับแม่สาลี่ว่าคุณพีไม่มีความเป็นธรรม" 555

ผู้หญิงเรานั้นจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ด้วยความรักในตัวผู้ชายของเราเป็นหลักใหญ่ ถ้าผู้ชายอย่างท่านเจ้าคุณเข้าใจอารมณ์นี้เรื่องคงไม่วุ่นวาย

จากคำพูดของแม่สาลี่เมื่อวานทำให้รักแม่สาลี่มากขึ้นเป็นกอง อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ค่อยชอบเย็นเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าเย็นดีผิดมนุษย์เกินไป (เช่น ยอมยกลูกให้คุณหญิงโดยไม่ยอมบอกใคร อันที่จริงถ้าจะยกให้ก็ควรยกให้แบบเป็นลูกบุญธรรมของคุณหญิง แล้วประกาศให้ทุกคนรู้ให้ชัดเจนไปเลย ตัวเองจะได้เข้ามาเลี้ยงดูลูกได้ ไม่ต้องมาหลบๆซ่อนๆแอบดูลูกตัวเอง แถมมีหน้ามีตาว่าได้เป็นแม่ของลูกสาวเจ้าคุณ) over เจ้าคุณแกล้งเท่าไหร่ก็ไม่มีแค้นเคือง แถมอดทนรับผิดในเรื่องที่ตัวไม่ได้ทำผิดซึ่งผิดธรรมชาติของมนุษญ์มาก แต่สาลี่ดูมีความเป็นคนที่มีเหตุผล และมีความคิดความอ่านมากกว่า แม้ในบางครั้งจะร้ายจน over ก็ตาม แล้วถ้ามันถูกเฆี่ยนตอนขบจะทำใจได้ไม๊นี่ 555555555

Aj Rawiwan

ไปเรียน Course สอนภาษาอังกฤษ (Effective Writing) ที่ CU ได้เรียนกับอ.รวิวรรณ ใจดีและใจเย็นมาก ค่อยสอนค่อยหัดให้เขียน ตั้งแต่ paragraph ไปจนถึง essay แถมตรวจการบ้านให้ทุกวัน (เราซะอีกไม่ค่อนส่งงาน) สำเนียงก็ดี ไปจนถึงจำข้อบกพร่องของนักเรียนแต่ละคนได้ด้วย จำได้ว่าสมัยเรียนภาษาอังกฤษตอนอยู่ปีหนึ่งปีสองเนี่ย หาอ.ดีๆยากน่ะ (ทั้งอ.ไทยและอ.ฝรั่ง) หรืออาจเป็นไปได้ว่า อ.ก็ต้องสอนตาม sheet ที่มหาลัยจัดให้ (ยกเว้นพวก supplement ซึ่งแต่ละ section จะได้ไม่เหมือนกัน) ทราบมาว่าอ.สอนคณะนิติฯด้วย (อู้ย ดีใจ ถึงเกิดก่อนเลยไม่ทันได้เรียนกะอ.รวิวรรณที่คณะก็เหอะ 55555)

แต่สิ่งที่ไม่ชอบคือ คนที่มาเรียนไม่ค่อยมีส่วนร่วมใน class เท่าไหร่ อย่างเวลาที่อ.ให้ทำแบบฝึกหัดแล้วมาช่วยกันเฉลยในห้อง ไม่ค่อยมีคนยอมตอบเท่าไหร่ น้อยคนที่จะตอบอ่ะ โดยเฉพาะข้อยากๆ หรือตอนที่ให้เขียน express opinion แบบเป็นกลุ่ม ก็ไม่ค่อยมีคนออกความเห็นเท่าไหร่ ทั้งที่อ.ให้ทำเป็นกลุ่มเพราะว่าอยากให้ช่วยกัน brain stormอย่างกลุ่มเราพวกน้องน้องก็งึมงำไปมา แล้วสุดท้ายพอหมดเวลา เราก็เป็นคนเขียนคนเดียว ที่จริงอยากให้น้องน้องช่วยกันวาง outline หรือออก idea อ่ะ แต่น้องน้องเองก็ดูจะเกรงใจ เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา ถ้าไม่ช่วยกันแล้วนะ แยกทำเดี่ยวดีกว่า เพราะแต่ละคนจะได้หัดเขียนตามสไตล์ตัวเอง แล้วก็ได้ใช้ idea ตัวเองด้วย

คือเป็นบางคนน่ะ แต่หลายคนโอนะ อย่างเพชร (ที่พอเวลาอ.เขียนผิดก็จะคอยทักท้วง บางทีอ.บอกว่าทำหน้าเหมือนอยากจะต่อย อ. 5555)

โดยสรุปคือเราว่า class นี้โอนะ โดยเฉพาะตัวอ.ผู้สอน

Friday, April 18, 2008

Always 2






ได้ไปดู Always 2 มาเมื่อวาน ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะดู

คือแค่อยากดูหนังในโนงหนังสักเรื่อง อยากนั่งพักสบายๆ แอร์เย็นๆ

แตพอไปดูหน้าโรงหนังมันก็มีอยู่ 2 เรื่องที่เราสนใจและกำลังจะฉายตอน 12.15 พอดี

คือเรื่อง Blueberrypoint กับ Always 2


ตอนแรกนึกว่าจะดู Blueberrypoint แต่ก็นะ ไม่แน่ว่าจะดีไม๊

ส่วน Always 2 ก็อยากดูแต่กลัวไม่รู้เรื่องเพราะมันเป็นภาคต่อของภาคแรก แล้วเราก็ดันไม่ได้ดูภาดแรกซะด้วย

แต่ได้ยินมาว่าภาคแรกมันดีมากมาก แล้วก็ไม่มีฉายที่โรงอื่นทั่วไปด้วย โอกาสจะได้ดูในรูป DVD ก็คงน้อยน่ะ

ก็เลยตัดสินใจตรงหน้าช่องขายตั๋วว่า

"Always 2 ค่ะ" ที่นั่ง 14 B ที่นั่งนี้ก็โอนะ แถมนั่งอยู่คนเดียวในแถวด้วย โคตรสบาย
ฉายไปตอนแรก นึกว่ามาผิดโรง เพราะกลายเป็นภาพสัตว์ประหลาดกำลังถล่มเมืองอยู่ 55555

แต่สักพักก็รู้ว่าเป็นจินตนาการของพระเอกที่เป็นนักเขียน มีแฟนเป็นสาวสวยแต่จนซึ่งต้องมาเต้นระบำโป๊ (ไม่โป๊มากหรอก) เพื่อหาเงินใช้หนี้ ซึ่งสุดท้ายรักก็สมหวัง

ส่วนชีวิตของนักเขียนชายคนนั้น แม้ว่าจะไม่ได้รายวัล (แถมถูกโกงเงินด้วย) แต่ก็ทำให้ได้รู้ว่าการที่นักเขียนคนนึงจะประสบความสำเร็จนั้น ที่จริงแล้วไม่ได้อยู่ที่รางวัลที่องค์กรใดๆจัดให้ แต่อยู่ที่เรื่องที่เขียนมีคนอ่านแล้วชอบ และมีอารมณ์ร่วมไปกับสารที่เสนอ เท่านี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว (คิดดูว่าขนาดเจ้าของ Susuki Auto ที่ไม่เคยอ่านนิยายของใคร ยังหยิบมาอ่านแล้วร้องให้ไปกับเนื้อเรื่องแสนเศร้านั้น

แน่นอนว่านางเอกของเราก็ต้องได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และเป็นเหตุให้เปลี่ยนใจกลับมาหาพระเอกของเราได้ในที่สุด 5555

**********************************

Hana no na
: BUMP OF CHICKEN (ost. ALWAYS2)
แม้เป็นเรื่องง่ายดาย แต่เหตุใดกลับเอ่ยมันออกมาไม่ได้

และแม้ไม่ได้เอ่ยออกมา แต่เหตุใดกลับรับรู้ได้

แม้จะลืมท้องฟ้าที่เคยมองด้วยกัน

แต่ฉันไม่เคยลืมว่าเราเคยอยู่ร่วมกัน

ถ้าเธอเป็นดอกไม้ ก็อาจไม่ต่างอะไรจากดอกไม้ที่มีอยู่ทั่วไป
แต่จากหนึ่งในนั้นยังมีบทเพลงหนึ่งที่มีเพียงฉันที่ขับขาน

และมีบทเพลงที่มีเพียงเธอที่ได้ฟัง

การที่ฉันอยู่ตรงนี้ คือสิ่งแสดงว่าที่ตรงนี้เคยมีเธอ

บทเพลงที่ฉันวางไว้ณ.ที่แห่งนั้น คือสิ่งแสดงว่า

ฉันได้วางมันไว้กับเธอ

เราขอยืมพลังในการใช้ชีวิตมา

เราก็ควรจะคืนมันในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่เช่นกัน

ยามที่เธอหลงลืมรอยยิ้มและคราบน้ำตา

จงจำไว้ว่าในห้วงความทุกข์เดียวกันยังมีบทเพลงที่มีเพียงเธอที่ขับขาน

และมีบทเพลงที่มีเพียงฉันที่ได้ฟัง

ทุกคนมีคนที่อยากเจอทุกคนมีคนที่เฝ้ารอ

เราต่างล้วนมีคนที่อยากเจอและนั่นแปลว่า

มีใครกำลังเฝ้ารอเราอยู่เสมอ

ถ้าเธอเป็นดอกไม้ก็อาจไม่ต่างอะไรจากดอกไม้ที่มีอยู่ทั่วไป

แต่จากหนึ่งในนั้น มีสิ่งที่ถูกเลือกไว้สำหรับฉัน สำหรับเธอ

ยามที่เธอหลงลืมรอยยิ้มและคราบน้ำตา

จงจำไว้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ถูกเลือกมาโดยไม่ลังเล

ยังมีบทเพลงที่มีเพียงเธอที่ขับขานยังมีบทเพลงที่มีเพียงฉันที่ได้ฟัง

ยังมีใครที่เฝ้ารอเพียงฉัน.......ยังมีใครที่อยากพบแต่เธอ

Sunday, February 10, 2008

Annoying

เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งเรื่องชาวบ้านซะที เบื่อจิงจิง

Friday, January 04, 2008

Dentist Again

ไปหาหมอฟันมาเมื่อวานเพื่ออุดฟันหน้าที่ผุมานาน แต่ไม่ยอมไปอุดซะที ด้วยความที่กลัวว่าอุดแล้วมันจะเห็นเป็นรอยอุด แต่หมอที่อุดให้ชื่อเพ็ญประภา น่ารักสุดสุด เราถามอะไรจุกจิกหลายอย่างด้วยความกังวล หมอก็อธิบายอย่างดี แถมเอาตัวอย่างที่อุดฟันสีธรรมชาติมาให้ดูด้วย ใช้เวลาอุดนานเหมือนกัน ประมาณเกือบชั่วโมง เพราะต้องอุดหลายชั้น กรอออกไปประมาณเท่ากะหัวที่กรอ
ผลออกมาก็ happyพราะมันดูดีทีเดียว มองไม่ออกเลยว่าเป็นฟันที่ได้รับการอุดแล้ว เพราะว่าหมอเค้ากรอจากข้างหลังฟัน แล้วเหลือด้านหน้าไว้ เนื่องจากด้านหน้ายังไม่ผุ ดังนั้นส่วนที่อุดที่เป็นพลาสติกสีเดียวกับฟันเราก็จะอยู่ด้านหลัง จะเห็นก็เฉพาะด้านข้างนิดเดียว แต่ก็เป็นธรรมชาติมากมาก (^-^) (รู้งี้ทำซะนานแล้ว)
หมอบอกว่าปกติแล้วพลาสติกนี่จะเสื่อมสภาพได้ อายุการใช้งานราวๆ 3 ปี หลังจากนั้นมันยอาจจะเปลี่ยนสีหรือหลุด หรือหดตัว แต่ถ้าเกิดว่ามันยังใช้ได้ก็ไม่ต้องมาเปลี่ยนหรอก เพราะโดยมากคนก็ใช้กันเกินอยู่แล้ว
ตอนกลับหมอนัดว่าวันจันทร์มาอีกที เพื่ออุดฟันกรามซี่ที่ปวด (ตอนแรกหมอนึกว่าเราจะเลือกอุดซี่นี้ก่อน เพราะมันยังรอได้ ต่างจากฟันกรามที่ดูเหมือนว่าอาจจะต้องรักษารากด้วย) ซี่นี้หมออยากให้ฉีดยาชาตอนอุดเพราะว่าดูแล้วมันเป็นรูผุลึกมากอาจถึงประสาทฟัน
เสร็จแล้วก็ไปเดินตลาดนัดจุฬาฯ ซื้อน้ำเสาวรส ปรากฏว่ามันขายดีมาก ขวดใหญ่หมดเกลี้ยงเลย เลยต้องซื้อขวดเล็กมา แต่ตอนหลังคนขายเค้าไปได้ขวดใหญ่มาอีกขวดนึง ก็เลยได้ขวดใหญ่มาขวดนึง ซื้อของอีกนิดหน่อยแล้วกลับบ้าน 555