Wednesday, December 27, 2006

P'Suwat

วันนี้ได้ฟังเรื่องพี่สุวัฒน์แล้ว รู้สึกสะท้อนใจในองค์กรใหญ่ๆอย่าง......ที่เราเคยทำงานนั้น
เรารู้สึกชัดเจนขึ้นมาหลายอย่างเลย เช่น
1. จริยธรรม และความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่นายจ้างต้องการจากลูกจ้าง ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหน แต่ถ้าไม่มีจริยธรรมก็ไม่เป็นที่ต้องการ
2. จริยธรรม และความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาก็เป็นสิ่งที่ลูกจ้างต้องการจากนายจ้างเช่นกัน
2.1 การที่บริษัทเอา Product ที่บริษัทผลิต แต่ใกล้หมดอายุ หรือถูกลูกค้าตีกลับเพราะ defect มาขายให้พนักงาน (ทำเป็นหลอกพนักงานว่าขายถูกเพราะเป็นการขายราคาพนักงาน (ทำให้พนักงานที่ไม่ได้สังเกตุวันหมดอายุของ product ซื้อไป และไปพบทีหลังว่าซื้อมาแล้วต้องทิ้ง เพราะจะหมดอายุอาทิตย์หน้าและพบภายหลังจากแกะกล่องดูว่า product นั้นไม่อยู่ในสภาพดีพอที่จะใช้งานได้ตามปกติ)
2.2 การไม่จ่ายโบนัสติดต่อกันมา เกือบ 10 ปี โดยบอกว่าบริษัทไม่มีกำไร และกำลังฟื้นฟู ทั้งที่พนักงานหลายคนรู้ดีว่าบริษัทมีเงิน ไปลงทุนซื้อกิจการ หรือซื้อสินทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์มาเก็บไว้ ทำให้พนักงานรู้ว่าบริษัทไม่ได้จนจริง แต่เป็นข้ออ้างที่จะไม่จ่ายโบนัสให้พนักงานมากกว่า
2.3 ไม่มีการจัดสรรรายได้ให้พนักงานอย่างเป็นธรรม
การปรับ structure เป็นแบบ matrix ให้พนักงานส่วนใหญ่ รวมทั้งผู้บริหารส่วนกลางเกือบทั้งหมดมาอยู่ในสังกัดของบริษัทแม่ ทำให้บริษัทแม่มีรายจ่ายเยอะ แค่เงินเดือนผู้บริหารเดือนๆ ก็หลายล้าน ในขณะที่ไม่มีรายได้เพราะตั้งบริษัทแม่ที่ว่านี้เป็น cost center คือทำหน้าที่บริการให้คำปรึกษา และบริการด้านอาคารแก่บริษัทในเครือทุกบริษัทโดยคิดค่าบริการโคตรถูก แบบไม่มีที่ไหนในโลกนี้จะให้บริการถูกกว่านี้อีกแล้ว
ซึ่งพอสิ้นปีบริษัทแม่ก็ไม่จ่ายโบนัสให้พนักงานในสังกัดบริษัทแม่ โดยอ้างว่าบริษัทแม่ไม่มีกำไร แต่ที่จริงแล้วกำไรไปอยู่กับบริษัทในเครือ ทำให้พนักงานที่สังกัดบริษัทในเครือได้โบนัส 4 เดือนขึ้นไป เพราะบริษัทในเครือเป็น profit center แต่พนักงานในบริษัทแม่ (จำนวนมากหลายร้อยคน) ไม่เคยได้โบนัสเลยมาเกือบ 10 ปีแล้ว (ไม่นับผู้บริหารระดับสูงที่ได้เงินเดือนหลักแสนๆอยู่แล้วและได้ incentive อีกต่างหาก)
2.4 บริษัทไม่มีจริยะธรรมในการบริหารงาน มีการตั้งกองทุนปั่นหุ้น มีการวางแผนหลีกเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน เช่น การทำสัญญา backdate ตอนสิ้นปี
ภาษี การพยายามโอนหุ้นของบริษัทที่มีกำไรจากการก่อสร้างที่ประมูลได้จากหน่วยงานราชการ แล้วไม่ยองเสียภาษี เมื่อถูกเรียกภาษีย้อนหลังก็โอนหุ้นบริษัทในเครือที่กำลังจะเลิกบริษัท ทำให้สรรพากรเก็บภาษีไม่ได้
2.5 จิกใช้พนักงานราวกับทาส พนักงานต้องเดินเอกสารเอง(เดินข้ามตึกด้วยนะคะ) ต้องหาซื้อเครื่องเขียนเครื่องใช้เอง ต้องจัดหาอุปกรณ์สำนักงานเอง ต้องพิมพ์ดีดไฟฟ้าเอง ต้องถ่านเอกสารเป็นปึกๆสูงเป็นฟุตด้วยตัวเองคนเดียว ต้องเป็นโอเปอเรเตอร์เอง 1. ต้องพิมพ์ดีดเอง 2. ส่งเสนอเซ็นเอง 3. วิ่งเต้นติดต่อราชการเอง เรียกว่าทำงานทุกหน้าที่เองคนเดียว และทำเองทุกขั้นตอนโดยไม่มีใครช่วย ไม่มีเลขา ไม่มีคนพิมพ์งาน ไม่มีธุรการ ไม่มีสารบรรณใดๆทั้งสิ้น
2.6 สวัสดิการพนักงานไม่ดี เช่นน้ำดื่มเป็นตะกอน (งบการติดตั้ง cooler น้ำถูกตัด โดยผู้บริหารอ้างว่าแพง เลยให้แม่บ้านเอาน้ำต้มเองกรอกใส่ขวดซึ่งบางครั้งมันไม่สะอาด และไม่ถูกหลักอนามัยมากมาก ยิ่งกว่านั้นบางทีไม่มีน้ำกินเพราะบางแผนกไม่มีแม่บ้านกรอกให้ เป็นต้น)
2.7 ผู้บริหารระดับสูงพูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่ใจ ชอบใช้อารมณ์กับพนักงานชั้นผู้น้อย เป็นค้น

ที่กล่าวมาข้างต้นเหล่านี้ทำให้พนักงานไม่รักองค์กร ไม่เคยมีความรู้สึกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับองค์กร ไม่เคนรู้สึกว่าผู้บริหารให้ความเอาใจใส่ในสวัสดิภาพ และความเป็นอยู่ของพนักงาน

No comments: