Sunday, June 17, 2007

แด่ทหารหาญ

แด่ทหารหาญที่ชื่อ ร.ต.อรรถพล ประพันธ์

"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.15 น. วานนี้ (15 มิ.ย.) ขณะ ร.ต.ปัตตพล ประพันธ์ หน.ชุดร้อย ร.2514 สังกัด ร.25 พัน.3 ตั้งฐานปฏิบัติการในโรงเรียนบ้านวังหิน หมู่ 8 บ้านตือระ ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา พร้อมกำลัง 8 นาย นำรถกระบะออกลาดตระเวนมาถึงบริเวณหลังสถานีอนามัยบ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา คนร้ายดักซุ่มในสวนลองกองบนเนินเขาด้านซ้ายของถนน ได้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ฝังดักไว้ใต้ผิวถนนระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้รถกระบะและเจ้าหน้าที่บนรถถึงกับกระเด็นไปคนละทิศละทาง ขณะเดียวกัน คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงถล่มซ้ำหูดับตับไหม้
หลังถูกลอบโจมตี ร.ต.ปัตตพล หัวหน้าชุดสั่งให้เจ้าหน้าที่ปักหลักใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ทั้งที่ส่วนใหญ่ ถูกระเบิดบาดเจ็บ และถูกห่ากระสุนปืนของคนร้ายที่ยิงเข้ามาถี่ยิบบาดเจ็บ เนื่องจากคนร้ายมีกำลังเหนือกว่าและอยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบ จากนั้นกลุ่มโจรอีกชุดได้กรูเข้าประชิดตัวใช้อาวุธปืนจ่อยิงซ้ำอย่างเหี้ยมโหดทำให้ เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตทันทีรวม 7 นาย และยังชิงเอาอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 7 กระบอก และปืนพกอีก 1 กระบอกไป ขณะเดียวกัน ร.ท.ภาณุวัฒน์ สุคชเดช รอง ผบ.ร้อย ร.2514 ตั้งฐานในโรงเรียนบ้านวังหิน ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 2 กม.ได้รับวิทยุแจ้งขอความช่วยเหลือนำกำลังมายังที่เกิดเหตุเกิดปะทะกับกลุ่มคนร้ายอีกระลอกนานกว่า 30 นาที ก่อนคนร้ายจะอาศัยความชำนาญพื้นที่ ล่าถอยหลบหนีไปได้
ต่อมา พ.ต.ท.นิยม รื่นเริง รอง ผกก.สส.สภ.อ.บันนังสตา ทราบเหตุพร้อมด้วย ร.ต.ท.โยธิน วรรณทวี ร้อยเวร นายเมธี กาญจนภูวะ นอภ.บันนังสตา นายพนิต ยอดพานิชย์ ปลัดอาวุโส นำกำลังตำรวจและ อส.รุดมาที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า คนร้ายตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มขวางทาง 2 จุด และโปรยตะปูเรือใบสกัด ทำให้ต้องเสียเวลา เคลียร์เส้นทางกว่าจะเดินทางถึงจุดเกิดเหตุ พบหลุมระเบิดขนาดใหญ่ลึกกว่า 1 เมตร กว้าง 3 เมตร และสะเก็ดระเบิดแสวงเครื่องหนักว่า 20 กก. กระจายเกลื่อน พบสายไฟต่อเข้ากับแบตเตอรี่ลากจากจุดเกิดเหตุขึ้นไปบนเนินเขาข้างทางยาวกว่า 50 เมตร
สำหรับเจ้าหน้าที่ทหารที่ถูกยิงเสียชีวิตทั้ง 7 นาย ประกอบด้วย จ.ส.อ.จรรยา อินทรวิสัย อายุ 42 ปี ส.อ.รังสรรค์ รักชาติ อายุ 32 ปี ส.ท.กิตติศักดิ์ เชาวลิต อายุ 25 ปี พลทหารยอดมนู อำมณี อายุ 23 ปี พลทหารดุลยพล มิ่งสงค์ อายุ 21 ปี พลทหารไพโรจน์ บุญคง อายุ 21 ปี และพลทหารบรรจง ชุมทอง อายุ 20 ปี สภาพศพผู้ตายแต่ละศพมีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดและถูกยิงตามร่างกายหลายแห่ง ส่วน ร.ต.ปัตตพล หัวหน้าชุดถูกกระสุนปืนของคนร้ายเจาะข้อมือขวาทะลุอาการสาหัส เจ้าหน้าที่ประสานขอเฮลิคอปเตอร์มาลำเลียงผู้บาดเจ็บและศพทหารทั้ง 7 นาย ส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ต่อมาช่วงเย็น พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานรดน้ำศพเจ้าหน้าที่ทหารที่เสียชีวิตทั้ง 7 นาย ที่วัดพุทธภูมิ อ.เมืองยะลา"

จากข่าวข้างบนนี้ เราได้มีโอกาสดูรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ร้อยตรีอรรถพล ประพันธ์ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทหารหาญทั้ง 7 คนที่เสียชีวิตไป และเป็นผู้ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุการณ์นี้ โดยร้อยตรีอรรถพลให้สัมภาษณ์ทั้งที่ยังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เนื่องจากถูกยิงบริเวณข้อมือจับใจความสำคัญได้ว่า "ขณะออกลาดตระเวณกับลูกน้องทั้ง 7 นาย ขับไปโดนหลุมระเบิดทำให้รถคว่ำ และหลังจากนั้นยังถูกคนร้ายจำนวนกว่า 10 คนล้อมยิงด้วยอาวุธ ทำให้คนเองได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่ข้อมือขณะที่จะยกปืนขึ้นต่อสู้ จึงได้วอเรียกขอความช่วยเหลือจากหน่วย"

"หลังจากที่พักรักษาตัวจนหายแล้ว ผมก็พร้อมจะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ทันทีครับ"

"ผมอยากจะขอโทษลูกเมียและญาติของทหารผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 7 คนด้วยครับ เพราะจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด ทำให้ทั้ง 7 คนต้องเสียชีวิต (น้ำตาคลอตา) และผมเสียใจมาก.....และฝากขอโทษกับญาตินายทหารทั้ง 7 คนครับ..."

ได้ฟังบทสัมภาษณ์แล้วสะท้อนใจจนน้ำตาซึม ได้คิดอะไรหลายอย่าง อาชีพทหารนี้ต้องแบกรับภาระมากมาย คะเนดูแล้วร้อยตรีอรรถพลนี้อายุไม่น่าจะเกิน 25 ดูจากหน้าตาและตำแหน่งแล้วน่าจะพึ่งจบมาด้วยซ้ำไป แต่กลับต้องแบกภาระมารับผิดชอบงานปกป้องคุ้มครองอธิปไตยในพื้นที่จังหวัดยะลา ซึ่งเสี่ยงชีวิตมากๆ รวมถึงดูแลสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 7 คน

สำหรับทหารอาชีพแล้ว คำว่า "ผู้บังคับบัญชา" นั้นมีความหมายที่ยิ่งใหญ่มากเพราะหมายถึงการรับผิดชอบต่อชีวิต ของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกท่าน การสั่งการในสนามรบ การออกลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงอันตรายที่เต็มไปด้วยกับระเบิดและกลุ่มผู้ก่อการร้าย ในสถานการณ์แบบนี้ "คำบัญชา"และ "การสั่งการ"ย่อมหมายถึงความเป็นความตายของคนทั้ง 7 คนได้หากสั่งการผิดพลาด หรือหากต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ (แม้ไม่ใช่ความผิดของผู้บังคับบัญชา) แต่หากลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเสียชีวิตไปจากการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ก็เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาท่านนั้นต้องเสียใจ และรู้สึกผิดหนักหนาสาหัส เพราะลำพังแต่เพียงชีวิตลูกน้องทั้ง 7 คน ที่เห็นหน้าเห็นตากันทุกวันต้องจากไปแล้ว ก็ยังมีลูกเมีย ญาติพี่น้อง พ่อแม่ที่จะต้องเสียใจกับการจากไปของทหารหาญเหล่านั้น แล้วใครจะรับผิดชอบกับความสูญเสียเหล่านี้ได้ หากเมียทหารต้องเป็นม่าย หากลูกต้องกำพร้าพ่อ หากพ่อแม่ที่แก่เฒ่าต้องสูญเสียลูกชายที่หวังจะได้ฝากผีฝากไข้ยามชรา....คำว่า"ผู้บังคับบัญชา"สำหรับทหารแล้วจึงถึงเป็นความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งเทียบได้กับชีวิตของคน และมิใช่เพียงชีวิตตัวผู้ใต้บังคับบัญชาคนเดียว...หากยังรวมถึงชีวิตของลูกเมียและครอบครัวอันเป็นที่รักของทหารหาญเหล่านั้นด้วย....

ทหารอาชีพนั้นต้องรับผิดชอบอะไรมากกว่าที่เราคิดมากมายนัก.....

หลังจากที่ได้ฟังการสัมภาษณ์ของร้อยตรีอรรถพลแล้ว คุณสู่ขวัญได้มีความเห็น(ซึ่งค่อนข้างตรงกับที่ใจเราคิด) ว่า
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีใครอยากให้เกิด โปรดอย่าคิดว่าเป็นความผิดของตนเองเลยค่ะ ทางเราต่างหากต้องขอบคุณนายทหารทุกท่านที่ได้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องบ้านเมือง ทำให้คนไทยทั้งชาติเราได้มีชีวิตที่สงบสุข"

ขอส่งกำลังใจให้ร้อยตรีอรรถพล ขอให้มีความเข้มแข็งทั้งกายและใจสมกับที่เป็นทหารแห่งกองทัพไทย และขออย่าได้คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของตนแต่ผู้เดียว เพราะความจริงแล้วการที่ทหารฝ่ายเราสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่อาจแก้ไขหรือป้องกันได้ด้วยนายทหารยศเพีงร้อยตรีคนเดียว หากแต่ต้องอาศัยการตัดสินใจผู้ใหญ่ในกองทัพ รวมไปถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทยทั้งประเทศจึงจะปราบปรามเหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้ได้ ลำพังแต่นายทหารยศร้อยตรีนั้น เพียงแค่การเสียสละความสุขส่วนตัว ยอมแลกชีวิตเพื่อความสงบสุขของประเทศชาติและพี่น้องชาวไทยนั้น กับความกล้าหาญที่อาสามาทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตรายที่สุดตอนนี้ ก็ถือเป็นสิ่งที่น่ายกย่องและเป็นเกียรติอย่างสูงแล้ว โปรดอย่าได้ถือเอาปัญหาของบ้านเมืองมาเป็นความผิดของตนเองคนเดียวเลยค่ะ เราภูมิใจที่มีทหารอย่างคุณคอยปกป้องประเทศเราไว้

No comments: